หากว่าจะย้อนกลับไปถึงความเป็นไปในยุคฟองสบู่แตกตั้งแต่ปี 40 เป็นต้นมา ภาคการเกษตรในประเทศไทยเป็นภาคเดียวที่ถือได้ว่า เป็นภาคธุรกิจและการค้าที่มองดูโดยรวมแล้วไม่มีผลกระทบกับปัญหามากเท่าไหร่นัก
ซึ่งนั้นเองจึงถือเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้หลายๆ ส่วนเกี่ยวข้องได้มองว่า การเกษตรของไทย จะเป็นตัวนำความมั่นคง ความมั่งคั่ง และสามารถนำพาประเทศให้อยู่รอดได้ และเป็นที่พึ่งพิงให้กับระบบทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ในช่วงนั้นแทบจะเรียกได้ว่า เกษตรกู้ชาติ กันเลยทีเดียว ต่างจากระบบอื่นๆ ที่พากันล้มเป็นโดมิโน่
ประเทศไทยเป็นประเทศในไม่กี่ประเทศในโลกนี้ ที่ในขณะนี้สามารถผลิตอาหารได้พอเพียงกับประชากรภายในประเทศและยังมีเหลือส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศจนมีรัฐบาลบางยุคบางสมัย ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็น “ครัวของโลก” การผลิตสินค้าเกษตรทั้งพืชและสัตว์ และนำไปแปรรูปเป็นอาหารเป็นเครื่องอุปโภคและเครื่องใช้ในครัวเรือนมีมากขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าทางสินค้าและเพิ่มมูลค่าการส่งออก เพิ่มอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ประชากรไม่น้อย ดังนั้นแทบจะกล่าวได้ว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรการเกษตรของไทยเป็นรายได้หลักของประเทศจึงไม่เป็นการกล่าวอ้างจนเกินความเป็นจริง
ทั้งนี้เพราะการส่งออกของไทยในแต่ละปี มีกว่า 7 แสนล้านบาท และสินค้าที่เป็นอาหารและผลิตภัณฑ์เกษตรอยู่ 17-18 % ของยอดการส่งออก ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มันสัมปะหลัง ยางพารา กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ไก่แช่แข็ง และแปรรูป ตลอดจนผลไม้บรรจุกระป๋อง ซึ่งมูลค่าทางสินค้าแต่ละตัวเป็นหลักหมื่นล้านบาท และสินค้าบางตัวถึงแสนล้านบาท เช่น ข้าวและยางพารา เป็นต้น เกษตรอุตสาหกรรมจึงสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้อย่างเด่นชัด
ในขณะเดียวกันเมื่อเรามามองถึงสังคมเกษตรกรรมระดับชุมชน ระดับสหกรณ์การเกษตรยังอยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคงนักเพราะขาดบุคลากรผู้ที่สามารถบูรณาการเกษตรและการค้าเข้าด้วยกัน สังคมเกษตรชุมชนเป็นสังคมเกษตรพอเพียงดำเนินงานตามอัตถภาพตามศักยภาพ แต่ศักยภาพของชุมชนเกษตรพื้นถิ่นไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความมั่นคงหรือความมั่งคั่งแก่เกษตรกรได้
สังคมเกษตรกรรมหากไม่สามารถมีความมั่นคงหรือมั่งคั่งได้แล้วก็จะมีการเลื่อนไหลเข้าไปหางานรับจ้างในเมืองหลวง เมืองใหญ่ มักจะเป็นแรงงานในที่ต่างๆรวมทั้งแรงงานส่งออกไปต่างประเทศอาชีพเกษตรกรรมนับวันจะลดลง และเกษตรกรไม่สามารถอยู่ได้จากภาระหนี้สินต้องขายที่ทำกิน ไปรับจ้างเป็นแรงงงานให้กับนักพัฒนาที่ดิน และนักพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรที่เป็นมืออาชีพและครบวงจร
ประเทศไทยมีเกษตรกรเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศกำลังจะกลายเป็นเพียงแรงงานเกษตร ไม่มีที่ทำกินของตนเองเนื่องจากถูกนายทุนซื้อไปพัฒนาแทนแล้ว
ในอดีตที่ผ่านมาที่ตำบลหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เกษตรกรที่นั่นยากจน มีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ คนพื้นถิ่นต้องไปทำงานในถิ่นอื่น ภายหลังการพัฒนาการเลี้ยงโคนมจนเป็นสหกรณ์โคนมหนองโพ และพัฒนาจากเกษตรพอเพียงด้วยการรวมกลุ่มเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการกลายเป็นสหกรณ์โคนมที่มีศักยภาพสูง กลายเป็นเกษตรอุตสาหกรรมระดับชาติที่สามารถแข่งขันได้กับภาคเอกชน นับเป็นตัวอย่างอันดีของการพัฒนาชุมชนเกษตรจากเกษตรพอเพียง เป็นอุตสาหกรรมเกษตรในรูปแบบสหกรณ์ ในรูปแบบที่เกษตรกรเป็นเจ้าของกิจการ
การที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐต้องการสร้างชุมชนพัฒนา ก็มีการประกวดแข่งขันกันในอดีต มีการประกวด “หมู่บ้านพัฒนาตัวอย่าง” ซึ่งมักจะดูจากตัวชี้วัดที่เป็นวัตถุความเจริญ เช่น การพัฒนา ถนน ไฟฟ้า ปะปาหมู่บ้าน เป็นต้น การพัฒนาทางด้านสังคม ด้านอาชีพ รายได้ของหมู่บ้านไม่ได้ถูกนำมาเป็นตัวชี้วัดเท่าใดนัก
ดังนั้นเป็นเรื่องที่น่าคิด น่าสังวรณ์ว่า “เศรษฐกิจ” และ “สังคม” จะต้องไปควบคู่กัน สังคมจะอยู่ไม่ได้ถ้าหากเศรษฐกิจไม่ดี ในทำนองเดียวกัน มีแต่เงินทองเศรษฐกิจดีก็จะหาความสุขไม่ได้ ถ้าหากคนในสังคม ส่วนใหญ่ยากจน ไม่มีงานทำ เปลี่ยนถิ่นที่อยู่ และวัฒนธรรมพื้นถิ่นเปลี่ยนไป
วัฒนธรรมท้องถิ่นของไทยส่วนใหญ่ผูกพันกับเกษตรกรรม ปัจจุบันวัฒนธรรมประเพณีเหล่านี้จางหายไป เพราะการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจ ผู้ที่กำหนดนโยบายชาติ ต้องมีวิสัยทัศน์ในการกำหนดนโยบายของคนส่วนใหญ่ ของชาติไว้ให้ได้ ให้มีอาชีพไม่ย้ายถิ่นฐาน ไม่เป็นเพียงแรงงาน แต่เป็นเจ้าของกิจการเกษตร ดำรงชีพได้ด้วยการเกษตรพอเพียง มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายสงบ และพัฒนาเกษตรพอเพียงไปสู่เกษตรขนาดย่อมและเกษตรกรรมต่างๆ ในยุโรปใช้ระบบสหกรณ์การเกษตรพัฒนาเกษตรชุมชน ขนาดย่อม รวมกันเป็นสหกรณ์และปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรอุตสาหกรรมระดับนานาชาติในที่สุด ที่เห็นได้ชัดได้แก่ ประเทศเดนมาร์ค ประเทศเนเธอร์แลนด์
อ้างอิงข้อมูลจาก ศ.น.สพ.ดร.อรรณพ คุณาวงษ์กฤต ผอ.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาวิจัยทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง เกษตรพอเพียง หรือ เกษตรอุตสาหกรรม http://www.ocare.chula.ac.t
สาระน่ารู้ด้านเกษตร
เกษตรแฟร์กาญจนบุรี 2013
วันที่ 19 ส.ค. ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานการแถลงข่าวงาน เกษตรแฟร์กาญจนบุรี 2013 พร้อมด้วย นายบำรุง สังข์สว่าง เกษตรจังหวัดกาญจนบุรี
สาระน่ารู้ด้านเกษตร
เกษตรทฤษฎีใหม่ กับการพัฒนาพื้นที่
เกษตรทฤษฎีใหม่ และการทำที่ดินเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ให้เป็นและเหมาะสำหรับการทำเกษตร ดังตัวอย่างของคุณเปรียวจันทร์ ต๊ะต้นยาง
สาระน่ารู้ด้านเกษตร
อันตรายจากสารกันชื้นในอาหาร
ในปัจจุบันนั้น เทคโนโลยีทางด้านอาหารมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถยืดอายุในการเก็บรักษาอาหาร
สาระน่ารู้ด้านเกษตร
วิถีเกษตรแห่งขุนเขา
จากดินแดนที่อยู่เหนือสุดในสยามประเทศ ติดกับชายแดนสามแผ่นดิน เมืองล้านนา ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อศึกษาถึงวิถีเกษตรกรรมของผู้คนในจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะประสบกับปัญหาดินเสื่อมโทรมและดินถล่มอยู่เสมอ ซึ่ง จ.เชียงราย
กล้วยไม้
กล้วยไม้เล็กที่สุดในโลก
กล้วยไม้ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก Orchid กล้วยไม้ถือเป็นหนึ่งในพรรณไม้ที่งดงามที่สุดพันธุ์หนึ่ง มากมายไปด้วยสายพันธุ์ แต่เมื่อปี 2009 ได้มีการค้นพบ ดอกกล้วยไม้ เล็กที่สุดในโลกโดยบังเอิญ โดยนักนิเวศวิทยาเป็นผู้ค้นภบในประเทศเอกวาดอร์
กล้วยไม้
หอมกลิ่น กล้วยไม้ป่า ชีวิตกับกล้วยไม้
วงการกล้วยไม้ทุกคนยกย่องให้ “ศ.ระพี สาคริก” เป็นบิดาแห่งกล้วยไม้ไทย หรืออาจจะเรียกว่าเป็นราชาแห่งกล้วยไม้ไทยก็สุดแล้วแต่ ทว่าผู้บุกเบิกวิชาการกล้วยไม้ที่มีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อวงการกล้วยไม้ไทยผู้นี้ กลับไม่ยินดีแม้สักนิดกับคำกล่าวยกย่องเหล่านั้น
สาระน่ารู้ด้านเกษตร
พืชมงคล ประตูสู่การเกษตร
หากเอ่ยถึงวันพืชมงคล หลายท่านต้องนึกถึง พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือเรียกว่า พิธีแรกนา ซึ่งพิธีนี้ จัดเป็นพระราชพิธีที่มีมาแต่โบราณตั้งแต่ครั้งสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งในสมัยนั้นพระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงมือไถนาเอง เป็นแต่เพียงเสด็จไปเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีเท่านั้น
ผักปลอดสารพิษ
ใช้เกลือล้างผักผลไม้ ไม่สะอาดอย่างที่คิด
ปกติแล้ว ผักและผลไม้ที่ซื้อมาตามท้องตลาด ก่อนจะปรุงเป็นอาหารนั้น ส่วนใหญ่จะต้องล้างให้รู้สึกว่า สะอาดและปลอดภัย ก่อนจะนำไปปรุงเป็นอาหารต่อไป บางครั้งก็กลัวถึงขนาดต้องล้างกันหลายรอบเพราะกลัวว่า สารพิษที่เจือปนอยู่บนใบ ผล และเปลือกของผัก หรือผลไม้นั้นอาจไม่หมด มีคำแนะนำหลายทางที่บอกว่า ควรใช้น้ำเกลือล้างผักหรือผลไม้
เทคนิคการทำเกษตร
ควบคุม และดับกลิ่นแอมโมเนีย ในเล้าไก่
กลิ่นแอมโมเนีย ถือเป็นกลิ่นที่มีความฉุนมาก เป็นกลุ่มก๊าซที่อันตรายต่อสิ่งมีชีวิต โดยสัตว์ที่สัมผัสแอมโมเนียอยู่เสมอจะเกิดอาการแพ้ ระคายต่อเยื่ออ่อนต่างๆ ของอวัยวะในร่างกาย เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ ตา หู ปาก จมูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินหายใจ