เกษตรฯ ไฟเขียวเปิดตลาดสินค้าเกษตร 9 ชนิด

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์มีมติเห็นชอบการเปิดตลาดสินค้าเกษตร รวม 9 ชนิด ในช่วงปี 2555-2557ได้แก่ เมล็ดกาแฟ กาแฟสำเร็จรูป พริกไทย ลำไยแห้ง และชา ตามข้อผูกพัน WTO และตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย

ในช่วงปี 2555-2557 รวมถึงกระเทียม หอมหัวใหญ่ เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่งตามข้อผูกพัน WTO ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลียและความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ครอบคลุมถึงปริมาณ อัตราภาษีในโควต้า และอัตราภาษีนอกโควต้ารวมถึงการบริหารการนำเข้า

การศึกษาปัญหาการตลาดสินค้าเกษตร

ตลาดสินค้าเกษตรมักมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เช่น ปัญหาเกษตรกรถูกกดราคาขายผลผลิต ปัญหาสิค้าล้นตลาดจนราคาตกต่ำ ปัญหาค่าใช้จ่ายการตลาด ได้แก่ ค่าขนส่งสูงมาก เป็นต้น ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมส่งผลกระทบต่อบุคคลหลายฝ่ายและเป็นบุคคลจำนวนมาก ได้แก่ ผู้ผลิตและผู้บริโภคสินค้าเกษตรและผู้บริการของภาครัฐ ผลกระทบของปัญหาจะส่งผลไปถึงทั้งระบบเศรษฐกิจตลอดจนกระทบไปถึงการเมืองของประเทศ จึงจะสามารถเสนอแนวทางในการแก้ไขได้อย่างถูกต้องและลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหาได้อย่าง เหมาะสม โดยวิธีการศึกษาถึงปัญหาทางการตลาดสินค้าเกษตรที่สำคัญมีอยู่ 4 แนวทาง ดังนี้

1. การศึกษาถึงหน้าที่การตลาด (functionnal approach) โดยพิจารณาถึงหน้าที่ทางการตลาดว่ามีอะไรบ้าง หน้าที่แต่ละหน้าที่ทำอย่างไร ที่ทำอยู่ตลาดทำได้ดีเพียงใด มีปัญหาหรืออุปสรรคใดในการดำเนินการ โดยหน้าที่การตลาดทั้งหมด แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่

  • หน้าที่ในการแลกเปลี่ยน ได้แก่ การซื้อและการขายสินค้า
  • หน้าที่ทางกายภาพ ได้แก่ การแปรรูป การเก็บรักษา และการขนส่ง
  • หน้าที่ในการอำนวยความสะดวก ได้แก่ การกำหนดมาตราฐานสินค้า การให้ข้อมูลข่าวสาร การทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน และการรับภาระการเสี่ยงภัย

ผู้ที่ศึกษาปัญหาการตลาด ต้องศึกษาถึงข้อเท็จจริงของการทำหน้าที่ทางการตลาดทั้ง 3 ประเภทและพิจารณาถึงการทำหน้าที่นั้น ๆ ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ หากพบว่าข้อเท็จจริงการทำหน้าที่ต่าง ๆ มิได้เป็นไปหรือมิได้กระทำตามที่สมควร ก็ศึกษาต่อไปว่าเพราะเหตุใดมีสิ่งใดเป็นปัญหาหรือเป็นอุปสรรค หรือหากพบว่าตลาดไม่ได้ทำหน้าที่ใดทั้ง ๆ ที่ควรจะกระทำ ก็ศึกษาต่อไปว่าเพราะเหตุใด เพื่อที่จะได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง

2. การศึกษาในแง่ของสถาบัน (institutional approach) การศึกษาตามแนวทางนี้จะยึดเอาสถาบันในตลาด คือ องค์กรหรือบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ทางการตลาด เป็นหลัก ซึ่งก็คือ คนกลางในตลาดที่แบ่งเป็น 5 ประเภทได้แก่

  • พ่อค้า ซึ่งทำหน้าที่ซื้อขายสินค้าในตลาดระดับต่าง ๆ ได้แก่ พ่อค้าในท้องถิ่น พ่อค้าระดับอำเภอหรือจังหวัด พ่อค้าขายส่งในตลาดปลายทาง และพ่อค้าขายปลีก
  • ตัวแทน ซึ่งทำหน้าทีในการเจรจาติดต่อ ซื้อขายให้กับพ่อค้าหรือผู้บริโภค เช่น หยงที่เป็นตัวแทนในการเจรจาขายข้าวระหว่างโรงสีในต่างจังหวัดกับพ่อค้าขายส่งและพ่อค้าส่งออกในกรุงเทพฯ
  • ผู้ให้บริการ ได้แก่ คนกลางที่ทำหน้าที่ให้บริการทางด้านการตลาดต่าง ๆ เช่น ธุรกิจขนส่ง
  • พ่อค้าเก็งกำไร ซึ่งเป็นคนกลางที่ทำการซื้อขายสินค้าโดยที่มุ่งหวังผลตอบแทน จากการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็นสำคัญ
  • สถาบันหรือองค์กร ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการตลาด เช่น สมาคมการค้าต่าง ๆ สหกรณ์การเกษตรและตลาดกลางสินค้า

ตลาดสินค้าเกษตร ล่วงหน้า

โดยศึกษาว่าคนกลางต่าง ๆ ที่อยู่ในตลาดนั้นเป็นใคร แต่ละคนกลางทำหน้าที่การตลาดอะไรบ้าง และทำหน้าที่เหล่านั้นอย่างไร ทำได้ดีเพียงไร มีคนกลางใดที่ไม่จำเป็นซึ่งหากตัดออกจากวิถีการตลาดแล้ว จะช่วยลดต้ยทุนทางการตลาดลงได้หรือไม่ หรือการทำหน้าที่ทางการตลาดของคนกลางต่าง ๆ มีปัญหาหรืออุปสรรคใดหรือไม่ จะได้เข้าใจและหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง

3. การศึกษาตามลักษณะโครงสร้างและพฤติกรรมของตลาด การศึกษาตามลักษณะโครงสร้างและพฤติกรรมของตลาด เป็นการศึกษาว่าสินค้าเกษตรนั้นมีโครงสร้างของตลาดเป็นตลาดประเภทใด ซึ่งตามหลักทางเศรษฐศาสตร์ตลาดของสินค้าและบริการ แบ่งได้เป็น 4 ลักษณะ ได้แก่ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ตลาดผูกขาด ตลาดผู้ขายน้อยราย และตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด ซึ่งแต่ละตลาดจะมีความแตกต่างกันไปในประเด็น ดังนี้

  • จำนวนและขนาดของผู้ซื้อและผู้ขาย
  • ลักษณะของสินค้า
  • การเข้าและออกจากตลาดของธุรกิจ
  • ความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดของสินค้านั้น

การศึกษาว่าสินค้าเกษตรนั้น มีโครงสร้างตลาดประเภทใดโดยพิจารณาจากประเด็นต่าง ๆ ข้างต้นจะทำให้ทราบถึงพฤติกรรมในด้านการกำหนดราคา ปริมาณและคุณภาพของสินค้า ตลอดจนประสิทธิภาพทางการตลาด การศึกษาว่าสินค้าเกษตรนั้น มีโครงสร้างตลาดประเภทใดโดยพิจารณาจากประเด็นต่าง ๆ ข้างต้น จะทำให้ทราบถึงพฤติกรรมในด้านการกำหนดราคา ปริมาณและคุณภาพของสินค้า ตลอดจนประสิทธิภาพทางการตลาด ซึ่งหากพบว่าโครงสร้างมีลักษณะคล้ายคลึงกับตลาดผูกขาดมากกว่าตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ก็คาดได้ว่าประสิทธิภาพทางการตลาดจะต่ำ ส่วนเหลื่อมทางการตลาดจะสูงกว่าที่ควรจะเป็นการจัดสรรทรัพยากรจะเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และเกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม

4. การศึกษาตลาดสินค้าเฉพาะอย่าง (commodity approach) แนวทางการศึกษาโดยวิธีนี้ เป็นวิธีที่ใช้แพร่หลายกันทั่วไป โดยการศึกษาอาจกระทำได้ ใน2 ลักษณะ ได้แก่

  • การศึกษาที่เน้นเฉพาะสินค้าแต่ละชนิด เช่น การศึกษาปัญหาทางการตลาดของข้าว ข้าวโพด ไก่เนื้อ
  • การศึกษาที่เน้นเป็นกลุ่มสินค้า เช่น การศึกษาปัญหาตลาดพืชไร่ ผัก ผลไม้ และปศุสัตว์

โดยศึกษาว่าเมื่อสินค้าออกจากผู้ผลิตแล้ว ผ่านคนกลางและสถาบันทางการตลาดใดบ้างเป็นปริมาณหรือสัดส่วนเท่าใด คนกลางหรือสถาบันนั้นทำหน้าที่ทางการตลาดใดบ้าง ทำอย่างไร มีค่าใช้จ่ายมากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับการทำหน้าที่นั้นหรือไม่อย่างไร โครงสร้างและพฤติกรรมทางการตลาดเป็นอย่างไร นอกจากนี้การศึกษายังครอบคลุมไปถึง เรื่องของอุปสงค์ อุปทาน ตลอดจนราคาของสินค้าชนิดนั้นด้วย

อ้างอิง idis.ru.ac.th

How to

ปลูกอะไรดีในพื้นที่ดินปนทราย

คราวก่อนได้กล่าวถึงสภาพการเพาะปลูกพืชในพื้นที่ดินปนทราย หรือสภาพดินทรายกันไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ละเอียดนัก อีกทั้งไม่มีพื้นที่ทดลองจริงลงให้เห็นกันชัดๆ

อ่านบทความนี้ต่อ

Best Infomal

ต้นโทงเทงไทย กับคุณสมบัติที่หลายคนไม่รู้

หากเปรียบเทียบรสชาติของ โทงเทงไทย กับ โทงเทงฝรั่ง ผู้เขียนยอมรับว่าพันธุ์ไทยจะอร่อยกว่า หากใครยังไม่เคยลิ้มรส ลองหาตามข้างทาง

อ่านบทความนี้ต่อ

Agricultural articles

Veggie Chili Organic

Baby, it’s cold outside! Well, not really where I am in Louisiana, but around the

อ่านบทความนี้ต่อ

Organic Vegie

ใช้เกลือล้างผักผลไม้ ไม่สะอาดอย่างที่คิด

ปกติแล้ว ผักและผลไม้ที่ซื้อมาตามท้องตลาด ก่อนจะปรุงเป็นอาหารนั้น ส่วนใหญ่จะต้องล้างให้รู้สึกว่า สะอาดและปลอดภัย ก่อนจะนำไปปรุงเป็นอาหารต่อไป บางครั้งก็กลัวถึงขนาดต้องล้างกันหลายรอบเพราะกลัวว่า สารพิษที่เจือปนอยู่บนใบ ผล และเปลือกของผัก หรือผลไม้นั้นอาจไม่หมด มีคำแนะนำหลายทางที่บอกว่า ควรใช้น้ำเกลือล้างผักหรือผลไม้

อ่านบทความนี้ต่อ

Best Infomal

เกษตรผสมผสาน คือข้อได้เปรียบของพืชผัก

คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น การดำเนินกิจกรรมในระบบเกษตรผสมผสานช่วยทำให้มีการ กระจายการใช้แรงงานทำให้มีงานทำตลอดทั้งปี และมีการกระจายรายได้จากกิจกรรมต่างๆ เป็นการลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานออกจากภาคการเกษตรไปสู่ภาคอื่นๆ

อ่านบทความนี้ต่อ

How to

การปลูกผักอินทรีย์

ปัจจัยสำคัญของการปลูกผักอินทรีย์ นั้น คือเรื่องของ ปุ๋ย ดิน น้ำ อากาศ อุณหภูมิและแสงแดด โรคและศัตรูพืช และพันธุ์พืช โดยเราจะให้ความสำคัญของปุ๋ยอินทรีย์มาเป็นอันดับแรก ปัญหาของเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านมาก็คือเรื่องปุ๋ย ธาตุอาหารพืช เพราะในปุ๋ยอินทรีย์มีธาตุอาหารพืชน้อย

อ่านบทความนี้ต่อ