จับกระแสสิ่งแวดล้อมกับภาชนะที่ทำจากโฟมเสียหน่อย เพราะไอเดียอย่าง Eco-Friendly มีการตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังมาแรง
และกำลังหยั่งรากลึกลงไปในพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทย และเป็นประเด็นโลกที่น่าจับตามากที่สุดในขณะนี้หลายองค์กรจึงได้หยิบยกเอามาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างตลาดและภาชนะบรรจุอาหารภายใต้แบรนด์ Bio ต่างๆ ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับตลาดด้วยจุดขายที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติล้วนๆ ย่อยสลายได้เอง ไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับผู้บริโภค
ว่ากันด้วยเรื่อง โฟมชานอ้อย ที่กำลังมาแรงและบุกตลาดในขณะนี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากบริษัท บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายทางชีวภาพเพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด ภายใต้ตรา BIO ซึ่งมีตั้งแต่ จาน ชาม ถาด ถ้วย แก้วน้ำ กล่องมีฝาปิดขนาดต่างๆ ให้เลือกมากมายกว่า 27 แบบ ซึ่งทั้งหมดนั้นผลิตจากวัสดุที่เหลือจากกิจกรรมทางการเกษตร นั่นก็คือ เยื่อกระดาษชานอ้อย
เขาว่ากันว่าบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยดีกว่าโฟม
ระหว่างบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยกับโฟม คุณคุ้นหน้าเคยหูกับอย่างไหนมากกว่ากัน หากจะให้เดาก็ขอทายว่าต้องเป็นโฟมแน่นอน เพราะหลังจากหมดยุครุ่งเรืองของใบตองในสมัยก่อน รอบตัวเราก็เต็มไปด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากโฟมหรือพลาสติกแทบทั้งสิ้น แม้จะมีการรณรงค์การใช้ซ้ำหรือการใช้ถุงผ้า แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย ถึงแม้จะมีคุณสมบัติใช้บรรจุอาหารได้เหมือนกัน แต่เรื่องคุณภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว นับว่ากินขาดเมื่อเทียบกับโฟมและพลาสติกชนิดอื่นแทบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการผลิต หรือ กระบวนการย่อยสลาย ซึ่ง โฟมชานอ้อย มีกระบวนการผลิตที่เรียบง่าย และประหยัดพลังงานกว่า
เนื่องจากใช้ไอน้ำแทนไฟฟ้า ซึ่งไม่ก่อให้เกิดของเสียจากกระบวนการผลิต ไม่ใช้คลอรีนในการฟอกสี(เทคโนโลยี ECF) ผลิตภัณฑ์จึงมีสีน้ำตาลอ่อนตามสีชานอ้อยธรรมชาติ แถมยังผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV จึงมั่นใจได้ว่าสะอาดและปลอดภัยต่อเราและโลกแน่นอน
ปกติแล้วชานอ้อยเป็นของเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล เป็นเยื่อที่ไม่แข็งแรงพอจะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ใดๆ จะถูกนำไปใช้ก็แค่เป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ซึ่งก็ก่อให้เกิดมลพิษสูงเช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อถูกนำมาทำเยื่อกระดาษจึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งที่แทบจะไร้ค่า ซึ่งในบ้านเรามีชานอ้อยถูกทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เยอะมาก แต่ในอนาคตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอาจพัฒนาไปสู่การใช้ต้นข้าว ข้าวโพด หรือผักตบชวาเป็นวัตถุดิบก็ได้
บรรจุภัณฑ์ของไบโอนี้ถือเป็นนวัตกรรมสีเขียวที่มีคุณสมบัติดีเด่นหลายประการ ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่เรียบง่าย ประหยัดพลังงานกว่าการผลิตพลาสติก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เยื่อจากไม้ยืนต้น และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า ECF คือไม่ใช้คลอรีนในการฟอกสีเยื่อกระดาษ ทำให้ได้เยื่อกระดาษที่สะอาดและปลอดภัย และผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV อีกครั้งก่อนจะส่งถึงผู้บริโภค
ในแง่การใช้งานเมื่อเปรียบเทียบกับพลาสติกและโฟมก็พบว่า ไบโอมีข้อดีกว่ามากตรงที่สามารถใช้ใส่น้ำ และอาหารทั้งเย็นจัดจนถึงร้อนจัด (-40 ถึง 250 องศาเซลเซียส) เข้าเตาอบและเตาไมโครเวฟได้ ไม่มีสารปนเปื้อนก่อมะเร็ง ขณะที่โฟมและพลาสติกทำไม่ได้อย่างนี้ แถมยังมีการปนเปื้อนสารสไตรีน มอนอเมอร์ ไดออกซิน และไวนิล คลอไรต์ มอนอเมอร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นสารก่อมะเร็งอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น
สำคัญที่สุดคือ จานชามจากชานอ้อยย่อยสลายได้ในเวลา 45 วันเท่านั้นเอง แต่อุปสรรคที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่เปิดใจเปลี่ยนมาใช้จานชามจากชานอ้อยก็เพราะ ราคาที่แพงกว่าโฟม 2 เท่า แม้ว่าจะถูกกว่าพลาสติกใช้แล้วทิ้งก็ตาม เมื่อคนใช้น้อย สินค้าผลิตน้อย ต้นทุนต่อชิ้นจึงสูง แต่ถ้าเมื่อไหร่คนหันมาใช้เยอะขึ้น ราคาก็ย่อมจะถูกลง เหมือนในหลายๆ ประเทศที่บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ราคาถูกกว่าโฟมแล้ว และในที่สุดภาชนะโฟมจะต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกเสียที
สามปีที่แล้ว ไต้หวันประกาศงดใช้กล่องโฟมบรรจุอาหาร กรกฏาคมปีที่แล้ว นครซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯ ประกาศห้ามใช้กล่องโฟมบรรจุอาหารและอีกสิบห้าวันต่อมามีประกาศให้เลิกใช้ถุงก๊อบแก๊บ ปีหน้าประเทศแคนาดาจะปลอดโฟม ฝรั่งเศสประกาศตั้งแต่ปี 2005 ว่าในปี 2010 ประเทศเขาจะไม่มีกล่องโฟมและถุงก๊อบแก๊บ ในญี่ปุ่นเมื่อคุณซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตโดยไม่เอาถุงพลาสติก เขาจะคืนเงินให้ถุงละ 10 เยน
ในเมืองไทย เรายังไม่เห็นมาตรการที่แสดงถึงความจริงใจต่อความห่วงใยในสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากภาครัฐ มีเพียงองค์กรบางแห่งเท่านั้นที่เริ่มขยับตัวบ้างแล้ว เช่น ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีนโยบายให้เปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้แทนกล่องโฟม
ขณะนี้ BIO ยังเป็นบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้เพียงแบรนด์เดียวของไทยที่มีการผลิตเพื่อจำหน่ายอย่างเป็นจริงเป็นจัง ปริมาณที่ผลิตได้ยังแค่ 1% ของปริมาณโฟมที่คนไทยใช้กัน กว่าจะถึงวันที่มีเรามีบรรจุภัณฑ์ปลอดภัยเป็นทางเลือกให้ใช้กันได้อย่างแพร่หลาย ไม่รู้ว่าสุขภาพจะเป็นอันตราย โลกจะถูกทำร้าย และขยะจะล้นเมืองไปขนาดไหน
ที่มา thaigreenmarket.com / green.in.th ภาพ compasscm.com
สถิติการรีวิวล่าสุด
คุณก็รีวิวบทความเราได้ แค่แชร์ แนะนำ หรือบอกต่อให้กับเพื่อนคุณ 💚
Best Infomal
คุณค่าของข้าวไทย
ชาวนาถือเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่แพ้อุตสาหกรรมด้านอื่น ชาวไทยควรเล็งเห็น คุณค่าของข้าวไทย
อ่านบทความนี้ต่อBest Infomal
เกษตรพอเพียง ที่แท้ทรู
คำว่า เกษตรพอเพียง หลายคนคิดว่าทำแล้วจะดี แต่เชื่อหรือไม่ว่า มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน
อ่านบทความนี้ต่อHow to
การทำ สวนผัก
การทำสวนผัก ส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรที่เว้นว่างจากการทำสวนไร่นาอย่างอื่นเช่น ปลูกข้าว ข้าวโพด หรือผลิตผลทางการเกษตรชนิดอื่น เพราะช่วงที่อยู่ในระหว่างการเติบโตของพืชเหล่านั้น รวมทั้งรอฟ้าฝนจากธรรมชาติ ก็จะเป็นเวลาที่ว่างเว้นจากการงานทั้งหลาย เกษตรกรส่วนใหญ่จึงต้องหารายได้เพิ่มจากหลายทางเพื่อเพียงพอต่อความเป็นอยู่
อ่านบทความนี้ต่อBest Infomal
หลังเปิดเสรีทางการค้า
หากจะศึกษาการเติบโตทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ในประเทศเราเองอาจเทียบเคียงได้จากหลายๆ ประเทศเพื่อนบ้าน
อ่านบทความนี้ต่อAgricultural articles
ORGANIC FARMING – The Best way to Grow Crops
The word Organic Farming means making use of alternative methods to raise food crops.
อ่านบทความนี้ต่อBest Infomal
แนวทาง เกษตรผสมผสานตามรอยพ่อ
ระบบเกษตรผสมผสาน และระบบไร่นาสวนผสม นั้นมีความหมายใกล้เคียงกัน โดยที่ ระบบเกษตรกรรมที่จะนำไปสู่การเกษตรยั่งยืน โดยมีรูปแบบที่ดำเนินการมีลักษณะใกล้เคียงกัน และทำให้ ผู้ปฏิบัติมีความสับสนในการให้ความหมายและวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
อ่านบทความนี้ต่อ